เพราะเหตุใด? ทำไมเราถึงควร Bet มากกว่า Call

ความแตกต่างระหว่าง Call และ Bet

ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่าความแตกต่างของการ Bet และ Call คืออะไร

1. Call : คือการที่ผู้เล่นเลือกที่จะทำตามจำนวนเงินเดิมพันที่ฝ่ายตรงข้ามลงมาแล้ว กล่าวง่ายๆ คือการยอมรับการเดิมพันและเข้าไปเล่นต่อในรอบนั้นๆ โดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนเงิน

2. Bet : คือการที่ผู้เล่นทำการเพิ่มเงินเดิมพันเข้าไปในพอท เพื่อให้ผู้เล่นคนอื่นตัดสินใจว่าต้องการจะตาม (Call) เพิ่มเงินเดิมพัน (Raise) หรือหมอบ (Fold)

การ Bet แสดงถึงความกล้าที่มากกว่าการ Call เนื่องจากการ Bet เป็นการแสดงพลังให้ผู้เล่นคนอื่นเห็นว่าคุณมั่นใจในไพ่ที่อยู่ในมือหรือกำลังใช้จิตวิทยาเพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกดดัน

 

ปัญหาของการ Call มากเกินไป

 

ผู้เล่นมือใหม่ส่วนใหญ่มักจะเลือก Call มากกว่าการ Bet เพราะเชื่อว่าการ Call นั้นเป็นวิธีการเล่นที่ปลอดภัยที่สุด อย่างไรก็ตาม นั่นอาจเป็นกับดักของเกมได้ เพราะการ Call ทำให้คุณมีโอกาสเสียเปรียบหลายๆ อย่าง เช่น

1. การเสียโอกาสในการทำให้คู่แข่งหมอบ : อย่างที่ได้กล่าวไว้ การ Call ไม่ได้สร้างความกดดันให้กับคู่แข่ง คุณเพียงแค่ตามการเล่นโดยไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายหมอบไพ่ได้ การที่คุณ Call ทำให้คู่แข่งยังคงสามารถเล่นต่อไปได้ ซึ่งอาจทำให้พวกเขามีโอกาสปรับกลยุทธ์และกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ

2.  แสดงถึงความอ่อนแอในจิตวิทยาการเล่น : การ Call เป็นการบอกเป็นนัยว่าไพ่ที่คุณถืออยู่ไม่ได้แข็งแรงพอที่จะ Bet หรือ Raise ทำให้อีกฝ่ายอ่านเกมของคุณได้ง่ายขึ้นและมีโอกาสใช้ประโยชน์จากความกลัวที่คุณแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว

3. การสร้างขนาดพอทที่จำกัด : การที่คุณ Call ทำให้พอทไม่ได้โตขึ้นเท่าที่ควร หากคุณมีไพ่ที่ดีแต่เลือก Call แทนที่จะ Bet หรือ Raise คุณก็จะพลาดโอกาสในการเพิ่มชิปให้กับพอทที่จะได้มากกว่า

 

การ Bet ให้ผลดีอย่างไร?

การ Bet มีข้อได้เปรียบที่สำคัญหลายประการ ทั้งในแง่ของกลยุทธ์และจิตวิทยา:

1. สร้างโอกาสให้คู่แข่งหมอบ : การ Bet เป็นการกดดันคู่แข่ง เพราะพวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะแพ้เงินที่ใส่ไปแล้วหรือเพิ่มเงินอีกเพื่อจะสู้กับคุณ ซึ่งถ้าเขาไม่มั่นใจในไพ่ของตัวเอง โอกาสที่เขาจะหมอบก็สูง นั่นทำให้คุณชนะพอทได้โดยไม่ต้องไปถึง Showdown

2. การบลัฟ : การ Bet ให้โอกาสคุณในการบลัฟ (Bluff) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในโป๊กเกอร์ บางครั้งคุณไม่จำเป็นต้องมีไพ่ที่ดีที่สุดก็สามารถชนะได้ การทำให้คู่แข่งเชื่อว่าคุณมีไพ่ที่ดีกว่าและทำให้พวกเขาหมอบ จะทำให้คุณชนะพอทแม้ว่าไพ่ของคุณจะไม่แข็งแรง

3. การควบคุมเกม : เมื่อคุณ Bet คุณเป็นฝ่ายที่ควบคุมเกม อีกฝ่ายจะต้องตอบสนองต่อการกระทำของคุณ แทนที่คุณจะต้องรอให้คนอื่นเป็นฝ่ายนำ นอกจากนี้การที่คุณเป็นฝ่าย Bet ยังทำให้คุณสามารถกำหนดขนาดของพอทได้ตามที่คุณต้องการ

4. สร้างภาพลักษณ์ของผู้เล่นที่กล้าและมั่นใจ : การที่คุณ Bet บ่อยๆ จะสร้างภาพลักษณ์ว่าคุณเป็นผู้เล่นที่กล้าและมีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้เล่นคนอื่นในรอบถัดๆ ไป หากพวกเขาคิดว่าคุณเป็นคนที่มีไพ่ที่ดีอยู่เสมอ พวกเขาอาจจะไม่กล้าที่จะสู้กับคุณแม้ในครั้งที่คุณบลัฟ

 

เมื่อไหร่ที่ควร Bet และเมื่อไหร่ที่ควร Call

แม้ว่าการ Bet จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณควร Bet ในทุกสถานการณ์ นักโป๊กเกอร์ที่ดีจะต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควร Bet และเมื่อไหร่ที่ควร Call เพื่อประหยัดชิปในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย

1. ควร Bet เมื่อคุณมั่นใจในไพ่ของคุณ : ถ้าคุณมีแฮนด์ที่ดีและคิดว่ามีโอกาสชนะสูง การ Bet จะช่วยเพิ่มขนาดของพอทและทำให้คุณได้กำไรมากขึ้น

2. ควร Call เมื่อไพ่ยังไม่แน่ชัด : หากคุณยังไม่มั่นใจว่าไพ่ของคุณดีพอหรือไม่ การ Call อาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในการรอดูสถานการณ์เพิ่มเติม เช่น ดูไพ่เพิ่มเติมในรอบต่อไป

3. ใช้การบลัฟให้เหมาะสม : การบลัฟเป็นกลยุทธ์ที่ควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น การบลัฟที่เกินไปอาจทำให้คุณถูกอ่านเกมได้ ดังนั้นควรระมัดระวังในการใช้ Bet เพื่อบลัฟในสถานการณ์ที่คู่แข่งอาจมีไพ่ที่ดีกว่าคุณ

 

การใช้ Bet เพื่อปั้นพอท (Pot Building)

การปั้นพอทเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สำคัญในการเล่นโป๊กเกอร์ การ Bet ทำให้พอทมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มากเมื่อคุณมีไพ่ที่ดี เนื่องจากหากคุณชนะในรอบนั้นๆ คุณก็จะได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการ Bet มากเกินไปเพราะอาจทำให้คุณเสี่ยงเสียชิปหากไพ่ของคุณไม่ดีพอในที่สุด